หลักเกณฑ์ในการเลือกเรียนมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกา
The United States of America (USA) มีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศมากกว่า 4,600 แห่ง Education For Life North America ได้รวบรวมหลักเกณฑ์ ที่ผู้สมัครสามารถใช้ในการเลือกเรียนต่ออเมริกากับมหาวิทยาลัยที่เหมาะที่สุดสำหรับตัวเองโดยแบ่งเป็นหัวข้อดังนี้ Location, Budget, Ranking เป็นปัจจัยสำคัญที่นักเรียนส่วนมากเลือกเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกมหาวิทยาลัยเพื่อเรียนต่อประเทศเอมริกา
ประเทศอเมริกา มีทั้งสิ้น 53 รัฐ แต่ละรัฐเปรียบได้เสมือน 1 ประเทศโดยมีภูมิศาสตร์ สภาพอากาศและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ต่างกัน ผู้คนมีอัธยาศัยที่ต่างกันไปเช่นกัน รัฐยอดนิยมที่นักเรียนไทยเลือกไป ได้แก่ California มีเมืองใหญ่เช่น San Francisco, Los Angeles, รัฐ New York เช่น Long Island, Manhattan, Brooklyn, รัฐ Massachusetts เช่น Boston, รัฐ Florida เช่น Orlando อย่างไรก็ตามยังมีรัฐอื่นๆที่น่าสนใจอีกหลายรัฐ เราได้เรียงอันดับความน่าอยู่โดยอ้างอิงจากการจัดอันดับของหน่วยงานภาคเอกชน ดังนี้
10 รัฐที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในอเมริกา จากการจัดอันดับโดย WalletHub (2016)
1. Vermont | 2. Connecticut |
---|---|
3. Massachusetts | 4. Minnesota |
5. New Hampshire | 6. Virginia |
7. Rhode Island | 8. Iowa |
9. Maine | 10. Utah |
จากการจัดอันดับข้างต้น จะเห็นได้ว่า 7 ใน 10 รัฐ ได้แก่ Vermont, Massachusetts, New Hampshire, Rhode Island, Maine, Connecticut และ Virginia เป็นรัฐที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาทั้งสิ้น
10 รัฐที่มีค่าครองชีพต่ำสุดในอเมริกา จากการจัดอันดับโดย USA TODAY (2014)
จากการจัดอันดับข้างต้น จะเห็นได้ว่า รัฐส่วนมากเป็นรัฐที่อยู่แถบตอนกลางของประเทศ ซึ่งเป็นแหล่งเกษตรกรรมหลักของประเทศ รัฐบริเวณนี้มีค่าครองชีพที่ต่ำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความเจริญอย่างเมืองดังๆ เมืองอื่น
1. Mississippi | 2. Kansas |
---|---|
3. Tennessee | 4. Nebraska |
5. Kentucky | 6. Alabama |
7. Oklahoma | 8. Iowa |
9. Indiana | 10. Arkansas |
รัฐที่มีระบบขนส่งที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา จากการจัดอันดับโดย U.S. News
1. Denver-Aurora | 2. Colorado |
---|---|
3. New York- Newark | 4. N.Y.-N.J.- Connecticut |
5. Los Angeles | 6. California |
7. Boston, Mass | 8. N.H. – R.I. |
9. Portland | 10. Oregon |
New York- Newark, N.Y.-N.J. – Connecticut
เมือง Los Angeles รัฐ California ก็เป็นหนึ่งในเมืองที่มีการจราจรติดขัด ด้วยอัตราเฉลี่ย 63 ชั่วโมงต่อ 1 คนขับ ต่อปี ดังนั้นจึงทำให้ผู้คนกว่า 1.5 ล้านคนเลือกใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะด้วยรถบัสและรถไฟ ที่มีบริการกว่า 2,600 คันและมีรถไฟที่วิ่งมากกว่า 79.1 ไมล์
เมือง Boston รัฐ Massachusetts มีระบบขนส่งที่ครอบคลุมพื้นที่สำหรับการขนส่งผ่านในเมือง ด้วยระบบ the Massachusetts Bay Transit Authority ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1631 ด้วยการขนส่งโดยเรือ ferries แต่ปัจจุบันได้ขยายการขนส่งครอบคลุมทั้งรถบัสประจำทาง รถไฟประเภทต่างๆ และระบบรถไฟใต้ดิน
Portland รัฐ Oregon เป็นอีกเมืองที่นักเรียนไทยสนใจ เพราะเป็นหนึ่งในเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องระบบขนส่งที่ดีในประเทศ มีระบบขนส่งที่ครอบคลุมทั้งรถบัสและรถไฟสายต่างๆ ที่น่าสนใจในเมืองนี้คือ นโยบายเพื่อดูแลนักเรียนโดยเท่าเทียมกันไม่จำกัดเชื้อชาติ สีผิว ศาสนาใดๆ ภายใต้ชื่อโครงการ Safe Ride ที่มีบริการให้นักเรียนทุกมหาวิทยาลัยในเมือง Portland กว่า 15,000 เที่ยวต่อปี ตั้งแต่เวลา 6pm- 2am ทุกวันโดยไม่ต้องจ่ายค่าโดยสาร
1. California | 2. Georgia |
---|---|
3. Hawaii | 4. South Carolina |
5. Texas | 6. Delaware |
7. Arizona | 8. North Carolina |
9. Florida | 10. Louisiana |
Liz Osborn ได้จัดอันดับรัฐที่มีสภาพอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี โดยพิจารณาจาก อากาศที่อบอุ่น (อุณหภูมิในแต่ละวันเฉลี่ย 17-30 องศา เป็นเวลามากกว่า 7 เดือน) มีปริมาณฝนพอเหมาะ (152 ลูกบากศ์เซนติเมตร) ท้องฟ้าสดใส (เฉลี่ย 60 เปอร์เซนต์ต่อปี)
รัฐ California รัฐยอดนิยมที่มีเมืองสำคัญอย่าง Los Angeles และ San Francisco ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา มีอากาศดีตลอดปี โดยเฉพาะทางกลางและตอนใต้ลงไป มีอากาศระหว่างวัน ที่ค่อนข้างร้อนค่อนไปทางเย็นสบาย แต่เวลากลางคืนนั้นมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดซึ่งค่อนข้างต่างจากประเทศไทยที่มีอากาศเหมือนกันทั้งกลางวันและกลางคืน และมีท้องฟ้าที่สดใสตลอดปี
Texas เป็นอีกหนึ่งรัฐที่ขึ้นชื่อในเรื่อง อากาศอบอุ่นค่อนไปทางร้อน เช่นในเมือง Brownsville, Corpus Christi, Del Rio และ Victoria ซึ่งในหน้าหนาวจะมีอากาศอบอุ่น ถึงแม้ว่าในหน้าร้อนจะมีอากาศค่อนข้างร้อนกว่า California ตอนใต้
สภาพอากาศในรัฐ Florida โดยปกติจะมีอากาศอบอุ่นในฤดูหนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Daytona beach, Gainesville, Key West, Orlando, Tampa และ Vero Beach ด้วยเหตุนี้ทำให้ Florida เป็นรัฐที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว ในขณะที่ Key West เป็นบริเวณที่มีอากาศแห้งและร้อนที่สุด
ปัจจัยทางการเงินย่อมเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยที่ต้องการ ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยก็มีค่าเรียนที่แตกต่างกัน โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 30,000 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1,050,000 บาทต่อปี มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกามีจำนวนมากหลายพันแห่ง ซึ่งได้แบ่งประเภทต่างๆ ดังนี้
โดยปกตินักเรียนจะลงทะเบียนเรียนได้ 12 หน่วยกิตต่อเทอม สำหรับมหาวิทยาลัยบางแห่งได้กำหนดการจ่ายค่าหน่วยกิตแบบลงมากก็จ่ายมากตามปริมาณของหน่วยกิต แต่มีบางมหาวิทยาลัยที่มีข้อกำหนด หากลงทะเบียนเกิน 12 หน่วยกิตไม่ต้องจ่ายส่วนเกิน ตัวอย่างเช่น หากลงเรียน 12+ หน่วยกิต ก็จ่ายราคาหน่วยกิตเท่าเดิมที่ 12 หน่วยกิต
โดยปกติ รัฐส่วนมากของสหรัฐอเมริกาจะต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มเวลาซื้อของ ขึ้นอยู่กับอัตราในแต่ละรัฐ มากน้อยกันไป แต่ก็มี 5 รัฐที่ไม่ได้รับการละเว้นไม่ต้องจ่ายภาษีตรงส่วนนี้ ได้แก่
- Alaska
- Delaware
- Montana
- New Hampshire
- Oregon
เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัย เพราะเป็นการจัดอันดับที่ได้รับการยอมรับ โดยการจัดอันดับในแต่ละครั้งจะมีเกณฑ์ที่ต่างกัน แต่มี ranking บางประเภทที่ได้รับการยอมรับที่สุดจากทั่วโลก โดยมีเกณฑ์ ดังนี้
National Universities Ranking เป็นการจัดอันดับของมหาวิทยาลัยทั้งประเทศ จากการจัดอันดับโดยพิจารณาจากหลายๆปัจจัย ได้แก่ ชื่อเสียงด้านคุณภาพการศึกษา อัตราการเข้าทำงานของนักเรียน อัตราครูต่อนักเรียน จำนวนวิจัยของคณะ อัตรารับนักเรียนต่างชาติ เป็นต้น ส่วนมากถูกจัดโดยหลายๆองค์กร จากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร เว็บไซต์ต่างๆ การจัดอันดับที่น่าเชื่อถือ อาทิ
- Princeton University
- Harvard University
- Yale University
- Columbia University
- Stanford University
- University of Chicago
- Massachusetts Institute of Technology
- Duke University
- University of Pennsylvania
- California Institute of Technology
U.S News & Report: Regional Universities Rankings 2016
Regional University North | Regional University Midwest |
---|---|
#1 Villanova University | #1 Creighton University |
#2 Providence College | #2 Butler University |
#3 Bentley University | #3 Drake University |
#4 College of New Jersey | |
#5 Loyola University Maryland |
Regional University South | Regional University West |
---|---|
#1 Elon University | #1 Trinity University |
#1 Rollins College | #2 Santa Clara University |
#3 The Citadel | #3 Loyola Marymount University |
Ivy League ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1954 เป็นการรวมกลุ่มของมหาวิทยาลัยเอกชนที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงโดดเด่นทางด้านวิชาการจำนวน 8 แห่ง โดยจุดประสงค์เดิมเพื่อการรวมกลุ่มของกีฬา ซึ่งทุกมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาทั้งสิ้น โดยทุกมหาวิทยาลัยจะต้องควบคุมมาตรฐานของคุณภาพการศึกษาให้ติดอันดับโลก โดยปัจจุบันติด 15 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลกทั้งสิ้น จุดเด่นอีกอย่างของกลุ่มมหาวิทยาลัย Ivy League คือการรับเข้าที่ยากมากๆ เพราะมหาวิทยาลัยต้องการคนเก่งที่มีความสามารถโดดเด่นและสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่มหาวิทยาลัยเท่านั้น โดยปกติมหาวิทยาลัยรับนักเรียนเพียงแค่ 10% จากยอดสมัครรวมทั้งหมดเท่านั้น นอกจากนั้นแล้ว กลุ่มมหาวิทยาลัย Ivy League ยังโดดเด่นในเรื่องค่าเทอมที่แพงมากกว่ามหาวิทยาลัยอื่นๆ ซึ่งมหาวิทยาลัยทั้ง 8 แห่งนี้ ได่แก่
- Brown University, Rhode Island
- Columbia University, New York
- Cornell University, New York
- Dartmouth College, New Hampshire
- Harvard University, Massachusetts
- University of Pennsylvania, Pennsylvania
- Princeton University, New Jersey
- Yale University, Connecticut
- TOEFL เป็นการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ ด้วยข้อสอบที่มีระดับมาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ใช้เพื่อยื่นสมัคร เข้ามหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งเป็นข้อสอบที่ทดสอบทั้ง 4 ทักษะได้แก่ Listening, Reading, Writing, Speaking ซึ่งมหาวิทยาลัยทั่วไปของอเมริกาต้องการคะแนนขั้นต่ำที่ 80 คะแนน จากคะแนนเต็ม 120 คะแนน
- GMAT เป็นข้อสอบที่เน้นความรู้ 3 ส่วน: Basic Verbal, Mathematics, และ Analytical Writing โดยมีคะแนนรวมทั้งหมด 800 คะแนน เป็นข้อสอบที่ใช้วัดผลทางด้านภาษาอังกฤษและความสามารถเชิงวิเคราะห์ ที่ช่วยให้สถาบันการศึกษาสามารถประเมินผู้เรียนทางด้านธุรกิจ โดยส่วนมากข้อสอบประเภทนี้จะเป็นเกณฑ์วัดเข้าเรียนต่อหลักสูตร MBA
- GRE เป็นการวัดผลในระดับปริญญาตรีในวิชาเฉพาะด้านจำนวน 8 สาขาวิชา เพื่อช่วยให้สถาบันศึกษาประเมินความสามารถของผู้เรียนในระดับปริญญาโทและเอก วิชาเหล่านี้ได้แก่ Biochemistry, Cell Molecular Biology, Biology, Chemistry, Computer Science, Literature in English, Mathematics, Physics, Psychology
Campus Type
มหาวิทยาลัยจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกและแปลนของมหาวิทยาลัยที่แตกต่างกันออกไป
City Campus: เป็นมหาวิทยาลัยที่มีพื้นที่จำกัด อาจมีตึกเรียนเพียงไม่กี่ตึก ส่วนมากเป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในย่าน downtown หรือย่านธุรกิจ มีตึกเรียนกลืนกับสิ่งก่อสร้างอื่นๆของเมือง
Full Campus: เป็นมหาวิทยาลัยประเภทที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีบริเวณของมหาวิทยาลัยครอบคลุมทั้งสนามกีฬา โรงยิม ต่างๆ นักเรียนสามารถหาทุกอย่างได้ในแคมปัส เปรียบเสมือนเมืองเล็กๆภายในมหาวิทยาลัยเมืองหนึ่งเลย
ทั้งนี้ผู้สมัครจึงควรหาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนการตัดสินใจ ท่านสามารถติดต่อตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยที่ท่านต้องการศึกษาต่อในประเทศอเมริกา
ข้อมูลเพิ่มเติม เรียนต่อป.ตรี (Bachelor) อเมริกา คลิ๊ก!!
ข้อมูลเพิ่มเติม เรียนต่อป.โท (Master) อเมริกา คลิ๊ก!!
เราเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยใน The United States of America (USA) ประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างเป็นทางการ บริการฟรีทุกขั้นตอน Tel. 02 129 3214, 02 129 3215 สมัครเรียน สมัครหอพักของมหาวิทยาลัย จองตั๋วเครื่องบิน รถรับ-ส่งสนามบิน รวมถึงเตรียมเอกสาร กรอกใบสมัคร On-line และทำการนัดหมายกับสถานฑูตอเมริกา ให้ฟรี