THE US OR THE UK?
ในปัจจุบันความนิยมไปเรียนต่อต่างประเทศมีมากขึ้นทุกปี การตัดสินใจเลือกประเทศจึงเป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นการตัดสินจากปัจจัยหลายๆอย่าง อาทิ ความชอบส่วนตัว ความเหมาะสมทั้งด้านลักษณะส่วนตัวของผู้เรียน ค่าเรียน โอกาส ในการทำงาน อีกทั้งสิ่งแวดล้อมในการเรียนอื่นๆ ที่เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกประเทศทั้งสิ้น
ในบทความนี้ พี่ๆทีมงาน EFL Education for life ได้นำเอา 2 ประเทศยอดนิยมอย่าง ประเทศอังกฤษและประเทศสหรัฐอเมริกาที่มักเป็น 2 ช้อยส์แรกที่น้องๆนิยมไปเรียนต่อกันมาเปรียบเทียบในด้านต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าแตกต่างในด้านการใช้ชีวิตและระบบการเรียนอย่างแน่น่อนค่ะ
ทำไม US และ UK จึงเป็นที่นิยม
การจัดอันดับของมหาวิทยาลัยตัวท็อป 200 ของโลก มากกว่าครึ่งคือมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในประเทศอังกฤษ และประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งสองประเทศนี้มีระบบการศึกษาที่มาตรฐานและได้รับการยอมในระดับสากล อีกทั้งมีหลักสูตรแม่แบบอันยาวนานมาหลายปี ทำให้มีงบประมาณมากพอที่จะสนับสนุนการเรียนทั้ง เครื่องมือ อุปกรณ์ บุคลากรและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆแก่นักเรียน
ระยะเวลา
การเรียนในทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศอังกฤษนอกจากะมีหลักสูตรที่ค่อนข้างแตกต่างกันแล้ว ระยะเวลาที่ใช้ในการเรียนยังแตกต่างกันอีกด้วย โดยปกติระบบของอเมริกาจะใช้เวลานานกว่าอังกฤษ ซึ่งนักเรียนที่จบปริญญาตรีสามารถต่อปริญญาเอกได้ทันที แต่ตามธรรมเนียมของอังกฤษจะนิยมเรียนตามระดับขั้นคือ ปริญญาตรี ปริญญาโทและเอก
เวลาเปิดเทอม
มหาวิทยาลัยโดยส่วนใหญ่ในอเมริกาจะเปิดเรียนของภาคการศึกษาในช่วงปลายเดือนสิงหาคม แต่บางแห่งก็เปิดเรียนในช่วงหลังจากนั้น แล้วจะปิดเรียนช่วงกลางเดือนธันวาคมไปจนถึงกลางเดือนมกราคม ในขณะที่ในอังกฤษนั้นจะมีระบบที่ค่อนข้างแตกต่างกันไปในแต่ละมหาวิทยาลัย บ้างเปิดเรียนตั้งแต่เดือนกันยายน และบางส่วนเปิดเดือนตุลาคม ซึ่งระยะเวลาการปิดภาคเรียนในช่วงปีใหม่ท้ายปีอาจจะสั้นกว่าของอเมริกา และจบปีการศึกษาประมาณช่วงพฤษภาคมและเดือนมิถุนายนของทุกปี
กระบวนการสมัครเรียน
เกรด และงานที่ได้รับมอบหมาย
ระบบของอเมริกานักเรียนจะได้รับมอบหมายงานเป็นโปรเจ็คงานเล็กๆ หรือการอ่านหนังสือตามที่กำหนด แม้กระทั่งการนำเสนอหน้าชั้นต่างๆ ที่จะมอบหมายให้นักเรียนได้ทำเรื่อยๆตลอดการเรียน บางครั้งเป็นสัปดาห์ละครั้งเป็นต้น ในขณะที่ประเทศอังกฤษ จะเป็นระบบการเรียนเชิงบรรยายมากกว่า โดยจะมีงานมอบหมายชิ้นต่อภาคเรียนมากกว่าต่อสัปดาห์ ซึ่งการให้เกรดก็แตกต่างกันทั้งคู่ ในประเทศอังกฤษบางครั้งหรือให้เกรดจากการสอบอย่างเดียว ในขณะที่อเมริกาจะให้เกรดจากหลากหลายชิ้นงาน แล้วรวมกับช่วงสอบปลายภาคเป็นต้น
ที่พัก
ประเทศอเมริกาอและอังกฤษจะมีหอพักในมหาวิทยาลัยให้นักเรียนเป็นปกติ มีเพียงบางแห่งที่อยู่ในพื้นที่จำกัดเท่านั้นที่ไม่ได้พักในมหาวิทยาลัย แต่มหาวิทยาลัยก็ยังมีหอพักนอกมหาวิทยาลัยที่รองรับโดยมหาวิทยาลัยเอง ประเทศอังกฤษนักเรียนโดยส่วนมากจะนิยมพักหอส่วนตัว ห้องละหนึ่งคนเท่านั้น ในขณะที่ในประเทศสหรัฐอเมริกาจะนิยมให้นักเรียนพักแบบแชร์ห้องพักกับรูมเมทหรือเพื่อนร่วมห้องนั้นเอง ซึ่งจะบังคับนักเรียนในช่วงปีแรกเท่านั้น หลังจากปีแรกนักเรียนสามารถเลือกพักได้ตามอัธยาศัย สำหรับเรื่องของการรับประทานอาหาร ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยส่วนมากจะมีมื้ออาหารรวมกัยที่พักให้ด้วย ซึ่งนักเรียนสามารถเลือกทานได้ตามความชอบจากโรงอาหารในมหาวิทยาลัย
ตารางเปรียบเทียบการเรียนประเทศอังกฤษ และอเมริกาแบบสรุป
อเมริกา | อังกฤษ | |
---|---|---|
ระยะเวลา | ระดับปริญญาตรี: 4 years ระดับปริญญาโท: 2 years ระดับปริญญาเอก: 5-7 years or longer |
ระดับปริญญาตรี: 3 years ระดับปริญญาโท: 1 year ระดับปริญญาเอก: 3 years |
การเปิดเทอม | เปิดเรียนเป็นภาคการศึกษา โดยปกติมีทั้ง 3 และ 4 เทอม ได้แก่ Spring, Summer, Fall, Winter | เปิดเรียนเป็นภาคการศึกษา โดยปกติมีทั้ง 3 และ 4 เทอม เปิดเรียนต่างกันในแต่ละมหาวิทยาลัย |
ระบบการจัดการของมหาวิทยาลัย | มหาวิทยาลัยจะแบ่งเป็นหลายๆโรงเรียนตามสาขาวิชา ที่อยู่ภายใต้การดูแลของมหาวิทยาลัยกลาง | แต่ละโรงเรียนหรือคณะจะจัดการดูแลระบบของตัวเอง |
รูปแบบการเรียน | หลากหลาย นักเรียนลงได้ทุกวิชาที่สนใจ | ลงวิชาเรียนได้แค่วิชาสาขาเท่านั้น |
การเรียนแบบลึกหรือกว้าง | กว้าง | ลึก |
งานที่ได้รับมอบหมาย | การบ้านให้อ่านและเขียนอยู่ตลอดระยะเวลา | การบ้านบ้างในแต่ละเทอม |
ค่าเรียน | สูง | พอประมาณ |
การให้เกรด | จากผลงานทั้งหมดและการบ้านทุกชิ้น | โดยส่วนมากจากคะแนนสอบปลายภาค |
การกีฬา | เน้นให้นักเรียนมีกิจกรรมทำร่วมกัน และยังมีทุนให้สำหรับนักกีฬาอีกด้วย | โดยส่วนมากไม่ค่อยมีทุนให้กับนักกีฬา |
การใช้ชีวิต | ห้องพักกับรูมเมท มีหอนอกให้เช่นกัน | พักเดี่ยว มีหอนอกให้เช่นกัน |
อย่างไรก็ตามพี่ๆ EFL เขียนบทความนี้ขึ้นจากค่นิยมที่เห็นได้ชัดหรือเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมายาวนาน การได้ไปสัมผัสวิถีชีวิตของคนพื้นเมือง วัฒนธรรมที่แปลกใหม่ของแต่ละชาติย่อมทำให้เราได้เรียนรู้อะไรดีๆเสมอ น้องคสรเปิดใจให้กว้างแล้วเลือกประเทศที่ใช่จากความชอบของเรานะคะ หากต้องการคำแนะนำในการปฏิบัติตัวตอนอยู่ต่างประเทศหรือขั้นตอนก่อนเดินทาง ตลอดจนการเตรียมตัวเลือกประเทศที่ใช่ น้องๆสามารถโทรเข้ามาปรึกษาพี่ๆ EFL ได้เลยนะคะ
ข้อมูลเพิ่มเติม เรียนต่อป.ตรี (Bachelor) อเมริกา คลิ๊ก!!
ข้อมูลเพิ่มเติม เรียนต่อป.โท (Master) อเมริกา คลิ๊ก!!