@ Harvard University – Review
สวัสดีค่ะ พี่วิวจาก Education for Life นะคะ พี่เป็นเจ้าหน้าที่แนะแนวการศึกษาต่อ ดูแลในส่วนประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2560 ที่พึ่งผ่านมา พี่และพี่บีมีโอกาสได้รับเข้าร่วม Campus Tour ของ Harvard University มหาวิทยาลัยดังระดับโลกที่ตั้งอยู่ในเมือง Boston ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ไปเยี่ยมชมบรรยากาศของมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ Admission Team ซึ่งได้ข้อมูลที่น่าทึ่งและเปลี่ยนมุมมองความคิดเดิมที่มีต่อ Harvard University ไปเลยค่ะ พี่ได้สรุปข้อมูลที่น่าสนใจมาให้ระบบ Admission และ ชีวิตการเรียนของนักเรียน Harvard มาให้อ่านกันค่ะ
เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่ขึ้นชื่อระดับโลกแห่งหนึ่งและเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในสมาชิก Ivy League แต่เป็นมหาวิทยาลัยที่สำคัญที่สุด ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1636 ตั้งอยู่ในเมือง Cambridge รัฐ Massachusetts ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยตัวท็อปของทั้งอเมริกาและโลกจากหลายแห่ง อาทิ ช่วงปี 2552-2553 ได้รับอันดับ 1 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของสหรัฐอเมริกา และได้รับอันดับ 1 ให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลก ติดต่อกันมายาวนยานหลายปี มหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงในเรื่องคุณภาพการศึกษาทางด้านวิชาการและคุณภาพของคณาจารย์ของมหาวิทยาลัย ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยได้ชื่อให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
มหาวิทยาลัยในอเมริกามีชื่อเสียงในเรื่องการรับในสถาบันของตนเอง ทำให้บรรดาศิษย์เก่าทุกคนที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จ จะต้องกลับมาสนับสนุนสถาบันที่ตัวเองจบมา เช่นเดียวกันกับศิษย์เก่าของ Harvard University ที่มีบรรดาศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก ได้ทำหน้าที่สำคัญระดับโลกทั้งสิ้น ซึ่งรวมถึงประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาที่มีถึง 8 คน ได้แก่ John Adams, John Quincy Adams, Rutherford B. Hayes, Theodore Roosevelt, Franklin D. Roosevelt, John F. Kennedy, George W. Bush, แล Barack Obama นอกจากนั้นแล้วยังมีคนสำคัญอีกจำนวนมากเช่น Michelle Obama ภริยาของอดีตประธานาธิบดี Barack Obama, Mark Zuckerberg คนก่อตั้ง Facebook, Bill Gates คนก่อตั้ง Microsoft เป็นต้น
บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัย
หลายๆคนอาจจะคิดว่าการเข้าเรียนที่นี่ต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลยนะคะ เพราะว่า Harvard University ได้รับเงินกองทุนสูงที่สุดของโลก ด้วยเงิน 34.9 พันล้านดอลลาร์ต่อปีเพราะมีเงินสนับสนุนจากศิษย์เก่าที่มอบเงินให้ทุกปี ทำให้สามารถมีเงินมากพอที่จะมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียน บางคนที่มาจากบ้านที่ไม่มีเงินจ่ายค่าเรียน มหาวิทยาลัยยังมอบทุนเต็มจำนวนให้อีกด้วย ซึ่งมหาวิทยาลัยไม่ได้มีเงื่อนไขในการรับนักเรียน ไม่ได้ตัดสินจากเชื้อชาติหรือศาสนา หากเพียงเป็นคนเก่งมีความสามารถก็จะได้รับการตอบรับ
- Transcript ที่ผ่านมา รายวิชาในแต่ละวิชานักเรียนได้ลงวิชาที่ท้าทายความสามารถตัวเองแค่ไหน นักเรียนจะต้องพิสูจน์ถึงการเอาชนะตัวเองให้ได้ มหาวิทยาลัยไม่ได้ดูเพียงแค่ GPA เท่านั้น แต่ก็ยังต้องมีผลการเรียนที่ดี (3.8-4.0)
- General SAT และ คะแนน SAT อีก 2 วิชา หรือ ACT ในพาร์ท Writing
- 2 Teacher of recommendations 1 ฉบับจาก Senior และอีก 1 ฉบับจาก Junior จากอาจารย์ประจำวิชาหลัก โดยให้อาจารย์เขียนบรรยายว่านักเรียนมีพฤติกรรมการเรียนในห้องเรียนอย่างไร
- 1 Counselor Recommendation 1 ฉบับจากอาจารย์แนะแนว
- Personal Essay บรรยายตัวเองเป็นเรียงความ
- Interview (Optional)
Application Deadline Early Action NOV 1 – Notified by Dec 15
ภาคการศึกษาในแต่ละปีจะมี 2 เทอม ปริญญาตรีเรียนทั้งสั้น 4 ปีเป็นจำนวน 8 เทอมการศึกษา โดยในปีแรกนักเรียนทุกคนทุกสาขาจะได้เรียนแบบ General Education เรียนทั้งสิ้น 8 วิชา หลักจากนั้นในปีที่สองจะเป็นรายวิชา Electives อีก 8-12 วิชา สุดท้ายแล้วนักเรียนจะได้เลือก concentration อีก 12-16 วิชา จนกระทั้งจบการศึกษาค่ะ
ตัวอย่างรายวิชา General Education ของ Harvard University
- Aesthetic and Interpretive Understanding
- Culture and Belief
- Empirical Maths
- Science & Research
นักเรียนระดับปริญญาตรีจะต้องพักในมหาลัยตลอดระยะเวลา 4 ปีโดยปีแรกจะได้อยู่ Residential Halls บริเวณ Harvard Yard ทั้งหมด 17 Freshmen dorms โดยรวมนักเรียนปี 1 เข้าด้วยกันทั้งหมด หลังจากนั้นปี 2 ถึงจะสุ่มนักเรียนไปตามบ้านต่างๆ ที่เรียกว่า Upper class House มีทั้งหมด 12 แห่ง ซึ่งแต่ละที่พักจะมี Residential Advisor ประจำที่พักอยู่ด้วย อีกเหตุผลที่มหาวิทยาลัยบังคับให้นักเรียนพักกับมหาลัยเป็นเพราะว่าหอพักที่ Boston ค่อนข้างแพง การอยู่ในมหาลัยจะทำให้นักเรียนประหยัดค่าใช้จ่ายและยังได้ใช้ชีวิตของการเรียนได้เต็มที่
- Residential Advisor คอยให้คำแนะนำในเรื่องการปรับตัวและที่พักของนักเรียน
- Academic Advisor คอยให้คำแนะนำและปรึกษาเรื่องการเรียนต่างๆ ตลอดจนเรื่องการลงทะเบียนเรียน
- Upper-class Advisor เปรียบเสมือนรุ่นพี่ senior ในสาขาที่คอยให้คำแนะนำน้องๆ
นักเรียนจะได้รับเงินสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยเยอะมาก บางครั้มี Free Food และกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นเพื่อให้นักเรียนได้สังสรรค์กัน อีกทั้งยังให้เงินแก่ Advisor ใส่การ์ดไว้ให้เพื่อพานักเรียนไปเลี้ยงข้าว ส่วนการ Study Abroad ก็ยังสนับสนุนให้นักเรียนฟรี ตลอดทริปได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งด้วย เพียงแค่ได้รับการคัดเลือก!!!
- Harvard University เป็นมหาวิทยาลัยที่ 90 เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนที่นี่จ่ายค่าเรียนไม่ได้ต่างจากมหาวิทยาลัยประจำรัฐอื่นๆอย่าง State University เลย
- 20 เปอร์เซ็นต์ของนักเรียน เรียนฟรี!!!
- ทุนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ $45,000 ต่อคน
- ผู้ปกครองจ่ายค่าเทอมเฉลี่ยแค่ปีละ $11,500 ตลอดระยะเวลา 4 ปีเท่านั้น
เนื่องจาก Harvard University ไม่ได้ทำงานกับตัวแทนทำเรื่องเรียนต่อ ดังนั้นนักเรียนคนไหนที่สนใจสมัครเรียนต้องดำเนินการสมัครด้วยตัวเอง หากต้องการให้ทาง Education for Life ช่วยเหลือในเรื่องการสมัครจะมีค่าบริการเพิ่มเติมค่ะ พี่ๆหวังว่าบทความครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับน้องๆทุกคนที่กำลังตัดสินใจมาเรียนอเมริกากันนะคะ หากต้องการข้อมูลเรื่องเรียนต่ออเมริกาเพิ่มเติมในส่วนมหาวิทยาลัยอื่นๆ สามารถโทรเข้ามาปรึกษาพี่ๆทุกคนได้เลยนะคะ
ปรึกษามหาวิทยาลัยที่ EFL เป็นตัวแทนได้ที่
Tel: 0917425900
Line: @eflna
Email: nastudy@eduforlife.net
Facebook Page: Education for Life Thailand