สภาพทั่วไปของประเทศสหรัฐอเมริกา
ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีเนื้อที่กว้างประมาณ 9.9 ล้านตารางกิโลเมตร หรือ ประมาณ 18 เท่าของขนาดพื้นที่ประเทศไทย ประกอบด้วยรัฐต่างๆ 50 รัฐ และ 1 เขตการปกครอง คือ วอชิงตัน ดีซี (Washington D.C.) สหรัฐอเมริกา
ทางทิศเหนือ มีอาณาเขตติดกับประเทศแคนาดา
ทิศใต้ ติดกับประเทศเม็กซิโกและอ่าวเม็กซิโก
ทิศตะวันออก ติดกับชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติค
ทิศตะวันตก ติดกับชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค
การเดินทางจากฝั่งตะวันออกไปฝั่งตะวันตก ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงโดยเครื่องบิน (ความกว้างประมาณ 4,500 กิโลเมตร)
ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีความหลากหลายในเรื่องของภูมิประเทศ คือ มีทั้ง ภูเขา ป่าดง ทะเลทราย ที่ราบสูง และ ที่ลุ่ม ประเทศสหรัฐอเมริกามีผืนแผ่นดินใหญ่ซึ่งเป็นพื้นที่ของรัฐที่มีอาณาเขตติดต่อกันทั้งหมด 48 รัฐ มีเพียง 2 รัฐเท่านั้นที่ไม่มีอาณาเขตติดต่อกัน คือ รัฐ Alaska (AK ตามรูป) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศแคนาดา และรัฐ Hawaii ซึ่งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิค เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีความกว้างใหญ่ จึงมีการแบ่งรัฐต่างๆ ออก
เป็นเขต 7 เขตตามลักษณะภูมิประเทศ
Northwest States : Washington, Oregon, Idaho
Southwest States : California, Nevada, Utah, Arizona
North Central States : Montana, Wyoming, Colorado, North Dakota, South Dakota, Nebraska, Kansas, Minnesota, Lowa, Missouri
South Central States : New Mexico, Oklahoma, Arkansas, Texas, Louisiana
Midwest States : Wisconsin, Illinois, Michigan, Indiana, Ohio, Kentucky
Northeast States : New Hampshire, Vermont, New York, Pennsylvania, West Virginia, Virginia, Maine, Massachusetts, Rhode Island, Connecticut, New Jersey, Delaware, Maryland, District of Columbia
Southeast States : Tennessee, North Carolina, South Carolina, Mississippi, Alabama, Georgia, Florida
ประเทศสหรัฐอเมริกามีสภาพภูมิอากาศที่ค่อนข้างหลากหลายและแตกต่างกันไปแต่ละเขต เนื่องจากมีภูมิประเทศที่กว้างใหญ่ โดยทั่วไปแล้วประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีสภาพอากาศค่อนข้างเย็นกว่าประเทศไทยเนื่องจากสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ทางแถบตะวันออกของประเทศอากาศในช่วงฤดูหนาว และฤดูร้อนจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน ส่วนทางด้านชายฝั่งตะวันตกค่อนข้างจะมีฝนตกบ่อย มีหิมะตกพอสมควร ปริมาณแสงแดดก็มีไม่มากนัก ทางตอนกลางของประเทศมีหิมะตกพอสมควรถึงหนักมาก แสงแดดค่อนข้างมาก
สหรัฐอเมริกามี 4 ฤดูกาล คือ
ฤดู | ช่วงเวลา |
ฤดูร้อน | อยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม |
ฤดูใบไม้ร่วง | อยู่ในช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน เป็นฤดูที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวมากที่สุด |
ฤดูหนาว | อยู่ในช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ |
ฤดูใบไม้ผลิ | อยู่ในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม |
ประเทศสหรัฐอเมริกามีประชากรจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่ได้ย้ายถิ่นฐานเข้ามาอาศัยอยู่ จนทำให้ได้รับสมญานามว่า Melting Pot ซึ่งหมายถึงการเป็นแหล่งศูนย์รวมของวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย
ประชากรดั้งเดิมของประเทศสหรัฐอเมริกา คือ ชาวอินเดียนแดง ชนกลุ่มแรกที่อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐาน คือ ชาวอังกฤษ และชาวเนเธอร์แลนด์ ต่อมามีการนำชนผิวดำจากประเทศแอฟริกาเข้ามาเป็นทาส และในระยะ 20 ปีที่ผ่านมาชาวเอเชียได้อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานมากขึ้นโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ซึ่งเข้าไปอยู่ในรัฐฮาวายมากที่สุด ส่วนรัฐที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุด คือ รัฐแคลิฟอร์เนีย รองลงมา คือ รัฐนิวยอร์ค
ตามข้อมูลของ CIA World Fact ปี ค.ศ. 2006 ประชากรของสหรัฐอเมริกาประกอบด้วย
- คนผิวขาว รวมถึง คนเม็กซิกัน 81.7% หรือ 241 ล้านคน
- คนผิวดำ หรือ แอฟริกันอเมริกัน 12.9% หรือ 36.4 ล้านคน
- คนอเมริกันเอเชีย 4.2% หรือ 11.9 ล้านคน
- ชาวอินเดียนแดง 1.4% หรือ 4.1 ล้านคน
- ชาวฮาวาย 0.2%
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีประชากรจากหลากหลายภูมิภาคของโลกมาอาศัยอยู่ร่วมกันทำให้สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมและวิถีการดำเนินชีวิตที่หลากหลาย ชาวอเมริกันเป็นคนที่ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นซึ่งแตกต่างจากของตนเอง ยึดถือในเรื่องของความเท่าเทียมกัน ให้ความสำคัญกับการประสบความสำเร็จ
ในด้านศาสนา สหรัฐอเมริกาไม่มีการกำหนดศาสนาประจำชาติอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามจากการสำรวจเรื่องศาสนามีประมาณ 76.7% ของชาวอเมริกันนับถือ ศาสนาคริสต์ (52% นิกายโปรแตสแตนต์ 24.5% นิกายโรมันคาทอลิก และนิกายอื่นอีก 0.2%) โดยที่เหลือ เป็นชาวอเมริกันนับถือศาสนาอื่น หรือไม่นับถือศาสนาใดเลย
สหรัฐอเมริกาไม่มีการกำหนดภาษาราชการ แต่ในทางปฏิบัติ ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่ใช้กันมากที่สุดในประเทศ สำหรับสำเนียงในการพูดก็จะแตกต่างกันไปตามท้องถิ่นนั้นๆ ในบางรัฐได้มีการกำหนดภาษาทางการของรัฐ นอกจากนี้ภาษาที่มีใช้กันมากในสหรัฐอเมริกามากกว่าหนึ่งล้านคน ได้แก่ ภาษาสเปน ภาษาจีน ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเวียดนาม และ ภาษาเยอรมัน
สหรัฐอเมริกามีระบบการเมืองแบบประชาธิปไตย โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขสูงสุด สำหรับระบบการปกครองจะเป็นแบบสหพันธรัฐ ซึ่งประกอบด้วยรัฐ 50 รัฐ และ 1 เขตการ ปกครอง โดยแต่ละรัฐจะมีสิทธิในการปกครองตนเอง สมาชิกรัฐสภาและผู้ว่าทุกรัฐจะมาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยมีกรุงวอชิงตัน ดีซี เป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางการปกครอง
สำหรับประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือ นายบารัค โอบามา
วอชิงตัน ดี.ซี. (Washington, D.C. โดยตัวย่อ D.C. ย่อมาจาก District of Colombia) เป็นเมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา อยู่บริเวณทิศตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ติดต่อกับรัฐเวอร์จิเนีย และรัฐแมริแลนด์ โดยวอชิงตัน ดี.ซี. อยู่ในเขตฝั่งซ้ายของแม่น้ำพอตอแมก (Potomac River)
กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สร้างในสมัย ประธานาธิบดี จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกาของสหรัฐ สร้างขึ้นแทนฟิลาเดเฟียที่เคยเป็นเมืองหลวงของสหรัฐสมัยเป็นดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษ และมีอนุสาวรีย์วอชิงตัน ที่มีลักษณะเป็นแท่งโอเบลิสก์สูง 555 ฟุต (169 เมตร) สร้างเป็นเกียรติแก่ จอร์จ วอชิงตัน
การปกครองของสหรัฐอเมริกาเป็นการปกครองแบบสหพันธรัฐ (Federal Republic) แบ่งอำนาจออกเป็น 3 ฝ่าย ภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ แต่ละฝ่ายได้รับเลือกในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป จึงมีการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน (checks and balances) ประกอบด้วยพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค คือ พรรครีพับลิกัน (Republican) และ พรรคเดโมแครต (Democrat) ดังนี้
- ฝ่ายบริหาร มีประธานาธิบดี (President) เป็นประมุขและเป็นหัวหน้ารัฐบาล (Chief of Executive) ได้รับเลือกจากการเลือกตั้งทั่วไป ร่วมกับรองประธานาธิบดีทุก 4 ปี ประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งผ่านคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) จำนวน 538 คน ดำรงตำแหน่งไม่เกิน 2 วาระ วาระละ 4 ปี ประธานาธิบดีจะเป็นผู้ร่างรัฐบัญญัติต่อรัฐสภา และทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้ทำสนธิสัญญาต่าง ๆ ตลอดจนแต่งตั้งผู้พิพากษาเอกอัครราชทูตและตำแหน่งต่าง ๆ ของฝ่ายบริหารตั้งแต่ระดับรองผู้ช่วยรัฐมนตรี (Deputy Assistant Secretary) ขึ้นไป
- ฝ่ายนิติบัญญัติ ประกอบด้วย 2 สภา คือ
2.1 วุฒิสภา มีสมาชิกจากแต่ละรัฐ รัฐละ 2 คน รวมเป็น 100 คน ดำรงตำแหน่งสมัยละ 6 ปี โดยสมาชิกจำนวน 1 ใน 3 ครบวาระทุก 2 ปี วุฒิสภามีอำนาจให้ความเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบต่อบุคคลที่ประธานาธิบดีเสนอขอแต่งตั้ง รวมทั้งคณะรัฐมนตรี และให้สัตยาบันสนธิสัญญา รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง (President of the Senate)
2.1 สภาผู้แทนราษฎร มีสมาชิก 435 คน แบ่งตามสัดส่วนของประชากรในรัฐ คือ ประชากร 575,000 คน ต่อ สมาชิก 1 คน ดำรงตำแหน่งสมัยละ 2 ปี ประธานสภา (Speaker of the House)
- ฝ่ายตุลาการ ประกอบด้วย ศาลชั้นต้น (Curcuit Court) ศาลอุทรณ์ (Appeal Court) และ ศาลฎีกา (Supreme Court) ศาลฎีกามีอำนาจที่จะล้มเลิกกฎหมายใด ๆ และการปฏิบัติการของฝ่ายบริหารที่ได้วินิจฉัยแล้วว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ในการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลฎีกานั้น ประธานาธิบดีเป็นผู้เสนอชื่อและวุฒิสภาเป็นผู้ให้การรับรอง โดยศาลสูงของสหพันธ์มีผู้พิพากษาทั้งหมด 9 คน ซึ่งดำรงตำแหน่งได้โดยไม่มีการกำหนดวาระ โดยประธานาธิบดีเป็นผู้เสนอชื่อและวุฒิสภาเป็นผู้ให้การรับรอง
สิทธิในการเลือกตั้ง : ประชาชนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป
สหรัฐอเมริกามีระบบการค้าแบบเสรี ชาวอเมริกาส่วนใหญ่มีฐานะอยู่ในระดับปานกลาง มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะมีฐานะร่ำรวยหรือยากจนมากๆ สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมและธุรกิจหลายๆ ประเภท ทั้งด้านการบริการ การท่องเที่ยว เทคโนโลยี อุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงด้านการศึกษาด้วย สหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศที่นักศึกษาต่างชาติในหลายประเทศรวมทั้ง นักศึกษาไทยให้ความสนใจที่จะไปศึกษาต่อในระดับต่างๆ เนื่องมาจากมาตรฐานทางด้านการเรียน การสอนซึ่งเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของหลายๆ ประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วย ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐได้รับความเชื่อถือว่าเป็นระบบเศรษฐกิจที่มีความมั่นคง และน่าเชื่อถือ
รายได้ประชาชาติ (GDP) (จากการสำรวจในปี 2549) ประมาณ 13.049 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 1 ของโลก)
รายได้เฉลี่ยของประชากรต่อปี ประมาณ 43,555 ดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 3 ของโลก)
สหรัฐอเมริกาใช้ระบบสกุลเงินดอลล่าร์ (US$) ซึ่ง 1 ดอลล่าร์ มีค่าประมาณ 35 บาท
ธงชาติสหรัฐอเมริกา มีลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้าภายในเป็นแถบสีแดงสลับขาวรวมกัน 13 ริ้ว เป็นริ้วสีแดง 7 ริ้ว สีขาว 6 ริ้ว ที่มุมบนด้านคันธงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าพื้นสีน้ำเงิน ภายในมีรูปดาว ห้าแฉกสีขาวจำนวน 50 ดวง เรียงกันตามแนวตั้งเป็นแถวดาว 6 ดวงสลับกับแถวดาว 5 ดวง รวมจำนวนทั้งหมด 9 แถว
จำนวนของดาว 50 ดวงในพื้นสีน้ำเงิน หมายถึงมลรัฐต่างๆ ของสหรัฐอเมริกาทั้ง 50 มลรัฐ โดยจำนวนดาวจะเปลี่ยนแปลงทุกครั้งเมื่อมีการเพิ่มจำนวนมลรัฐในความปกครอง ริ้วสีแดงสลับขาวทั้ง 13 ริ้ว หมายถึงอาณานิคม 13 แห่งของสหราชอาณาจักรในอเมริกา ซึ่งได้ร่วมกันประกาศเอกราชจากสหราชอาณาจักร และสถาปนาประเทศสหรัฐอเมริกาขึ้น เมื่อ ค.ศ. 1776
เทพีเสรีภาพ เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงไมตรีจิตที่คนฝรั่งเศสมีให้คนอเมริกัน อีกทั้งยังกลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอเมริกา รูปปั้นของเทพีเสรีภาพตั้งอยู่ที่กรุงนิวยอร์กมีความสูง 92 เมตร มือด้านหนึ่งชูคบไฟและมืออีกด้านถือแผ่นจารึกเพื่อประกาศเสรีภาพที่เกิดขึ้นของประเทศฝรั่งเศส
ผู้สร้างสรรค์งานประติมากรรมชิ้นนี้ชื่อว่า เฟรเดริก ออกุส บาร์ชอลดี กล่าวกันว่า เขาได้อาศัยแนวคิดจากงานประติมากรรมหลายชิ้นในอดีตมาเป็นแม่แบบในการสร้างรูปปั้นขนาดใหญ่ชิ้นนี้ และได้อาศัยภาพใบหน้ามารดาของเขาเป็นภาพใบหน้าของเทพีเสรีภาพที่ต้องต่อสู้ผ่านความยากลำบากมาเป็นเวลานาน ก่อนที่จะได้รับเสรีภาพ
งานก่อสร้างในครั้งนั้นได้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยเพื่อลดน้ำหนักของตัวหุ่น อีกทั้งยังมีการระดมทุนจากประชาชนทั่วไป ด้วยการออกลอตเตอรี่หรือการขายของที่ระลึกเล็ก ๆ น้อย ๆเกี่ยวกับเทพีเสรีภาพ เนื่องจากทางประเทศฝรั่งเศสจะมอบตัวรูปปั้นของเทพีเสรีภาพมาให้เท่านั้น ทางประเทศสหรัฐอเมริกาจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการสร้างฐานของรูปปั้นเอง เรียกว่าผลงานชิ้นนี้สำเร็จด้วยความร่วมมือของทั้งสองประเทศนั่นเอง