ตามคำเชิญของมหาวิทยาลัย University of South Florida
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 27 มกราคม – 3 กุมภาพันธ์ 2558 )
จึงอยากแชร์ประสบการณ์ดีๆ มาแบ่งปันน้องๆ ที่สนใจจะไป
เรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่ประเทศสหรัฐอเมริกา…
ก่อนอื่นขอเกริ่นนำด้วยข้อมูลย่อของมหาวิทยาลัยที่เราไปเยี่ยมก่อนนะคะ มหาวิทยาลัย University of South Florida นั้นตั้งอยู่ที่ เมือง Tampa ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของรัฐ Florida รองมาจาก Miami และ Orlando มหาวิทยาลัยถูกจัดให้อยู่ใน Tier 1 หรือที่เป็น Top 100 ของประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเรียกได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม หากเปรียบเทียบจากจำนวนมหาวิทยาลัยทั้งสิ้น ที่มีมากถึง 4,800 แห่งทั่วประเทศ และยังเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐบาลที่ติดอันดับTop 250 มหาวิทยาลัยของโลก (คลิ๊ก อ่านต่อเกี่ยวกับ University of South Florida, USF)
การเดินทางจากประเทศไทยสามารถทำได้โดยง่ายเพราะสายการบินมากมายมีเส้นทางบินไปยังประเทศสหรัฐเอเมริกา โดยเส้นทางบิน ก็หลากหลายแต่ส่วนมากจะไปลงที่ Los Angeles (LA) ก่อนเพราะเป็นสนามบินใหญ่ทางทิศตะวันตกที่ผู้โดยสารที่มาจากทางเอเชีย ต้องมาต่อเครื่องที่นี่เพื่อไปตามเมืองจุดหมายภายในประเทศอีกต่อหนึ่ง เราเดินทางโดยสายการบิน Delta ซึ่งต้องไปเปลี่ยนเครื่อง ที่ญี่ปุ่น ( Japan ) เพื่อไปลงที่ LA โดยชาวต่างชาติทุกคนต้องผ่านการตรวจคนเข้าเมืองที่ LA ก่อนจึงสามารถต่อเครื่องภายใน ไปยังจุดต่อไปภายในประเทศได้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศสหรัฐอเมริกานั้นส่วนมากจะได้รับอนุญาตให้อยู่ได้ครั้งละไม่เกิน 6 เดือนเท่านั้น… หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าได้วีซ่าท่องเที่ยว 10 ปีก็สามารถอยู่ได้เลย 10 ปีโดยไม่ต้องกลับบ้าน…
ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นประมาณ 25 ชั่วโมง รวมเวลาพักเครื่อง
เรียกได้ว่ายาวนานจนเพลีย สนามบิน Tampa นั้นใหญ่
พอสมควร และมีรถไฟภายในเชื่อมต่อจาก Gate มายัง
จุดรับกระเป๋าการเดินทางถือว่าง่าย และสะดวกกว่าหลายๆ
เมืองที่ผู้เขียนเคยเดินทางมา สนามบิน Tampa ห่างจาก
มหาวิทยาลัย University of South Florida เพียง 30 นาทีเท่านั้น…
ความรู้สึกแรกที่มาถึงเมืองนี้คือ กว้างขวาง สะอาดตา และมีต้นปาล์มสูงหลิบเรียงรายทำให้บรรยากาศร่มรื่นน่าอยู่ หากท่านใด ไม่เคยมาเยือนประเทศอเมริกามาก่อนจะรู้สึกได้ว่าที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นขนาดรถยนต์หรือถนนหนทางจะดูกว้างขวางใหญ่โตกว่าบ้านเรามาก ถึงแม้ Tampa จะเป็นเมืองใหญ่ (Metropolitan) แต่ไม่รู้สึกแออัดแต่อย่างใด เมื่อถึงมหาวิทยาลัยก็เข้าพักในโรงแรม Embassy Suite ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดไว้สำหรับแขก ตั้งอยู่หน้ามหาวิทยาลัยซึ่งสะดวกมากหากผู้ปกครองต้องการมาพักระหว่างเยี่ยมบุตรหลานที่นี่
วันแรกนั้น.. ผู้เขียนได้เที่ยวชมรอบมหาวิทยาลัยโดยการนั่งรถกอล์ฟ เพราะมหาวิทยาลัยกว้างขวางโดยไม่สามารถเดินได้ทั่วถึง จากการสังเกตของผู้เขียนเอง ข้อแตกต่างระหว่างมหาวิทยาลัยของประเทศสหรัฐอเมริกา และมหาวิทยาลัยในประเทศที่พัฒนาแล้ว อื่นๆ ที่ผู้เขียนได้เคยสัมผัสมาเช่น ประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรือ แคนาดานั้นคือ มหาวิทยาลัยรัฐของประเทศ สหรัฐอเมริกาจะมีพื้นที่ใหญ่มากกว่า เหมือนเป็นเมืองย่อยๆ เลยทีเดียว โดยเน้นสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก แบบครบวงจร เช่น ธนาคาร โรงพยาบาล หอพักขนาดใหญ่ที่จุนักเรียนได้จำนวนหลักพัน โรงอาหารขนาดใหญ่หลายจุด สถานออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ โรงละคร และสนามกีฬาขนาดใหญ่หลายประเภท มหาวิทยาลัย USF นั้นมีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้นประมาณ 47,000 คน โดยมีกฏว่านักเรียนใหม่ปี 1 ทุกคนต้องอยู่หอพักในของมหาวิทยาลัยเท่านั้นเพื่อการปรับตัว และการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเพื่อนๆ USF
Free bus รถบัสบริการฟรี!! สำหรับนักศึกษาเชื่อมต่อทั่วมหาวิทยาลัย และที่พักบริเวณใกล้เคียง ( off Campus accommodations ) เพียงนักศึกษาโชว์บัตรนักเรียนก็สามารถใช้บริการได้ นอกจากนี้นักศึกษา USF ยังสามารถใช้บริการบัสฟรีในเมือง Tampa ได้อีกด้วย โดยนักศึกษาสามารถ Download ตารางรถได้จาก website ของมหาวิทยาลัย
นอกจากบริการบัสฟรี นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้จักรยาน ซึ่งจะซื้อมาเองหรือจะใช้บริการยืมจักรยานฟรีที่ทางมหาวิทยาลัยมีบริการให้
อีกทั้งยังมีบริการซ่อมจักรยานฟรี ให้กับนักศึกษา (จ่ายเฉพาะอุปกรณ์หากต้องเปลี่ยนใหม่) โดยติดต่อได้ที่ Campus Recreation
ซึ่งเป็น Fitness Center ขนาดใหญ่ที่มีอุปการณ์การออกกำลังกายที่เรียกได้ว่า “ทันสมัยที่สุด”
ผู้เขียนประทับใจเพราะไม่เคยเห็น Fitness Center ภายในของมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ และมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยขนาดนี้ จึงได้สอบถาม เจ้าหน้าที่ว่าลงทุนไปเท่าไหร่? และเปิดรับบริการให้กับบุคคลภายนอกเพื่อธุรกิจด้วยใช่ไหม? จึงได้ลงทุนขนาดนี้ แต่ได้รับคำตอบว่าทาง มหาวิทยาลัยลงทุนไป 25 ล้านเหรียญ เพราะจากการวิจัยสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญและมีผลโดยตรงกับการเรียนของนักศึกษา และไม่เปิดรับบุคคลภายนอก เปิดบริการฟรีสำหรับนักศึกษา USF เท่านั้น คือแค่โชว์บัตรนักศึกษาท่านก็สามารถใช้บริการได้เลย แบบไม่จำกัด ผู้เขียนรู้สึกประทับใจอย่างมาก โดยส่วนตัวเองเป็นคนชอบออกกำลังกายจึงตื่นเต้นที่ได้เห็นความอลังการของ Campus Recreation ที่ USF
28,000 square feet
// 2 gymnasiums // 2 satellite tness centers //
// 6 racquetball courts // 4 swimming pools including indoor pool
// 16 tennis courts // 4 eld complexes // 1.2 miles Fitness Trail //
วันที่ 2 : ได้เยี่ยมชมโรงอาหาร Dining Halls โดยมหาวิทยาลัยมีโรงอาหารทั้งสิ้น 8 แห่ง โดย 3 ใน 8 มหาวิทยาลัยบริหาร จัดการเองเช่น Juniper Poplar Hall ( JPH), Champion’s Choice Dinning ( DIN) และ Argos Center ( RAR) ซึ่งเป็น บริการแบบ Buffet ที่นักศึกษาสามารถเข้ารับประทานโดยไม่เสียเงิน (รวมในค่าเทอมไปแล้ว) และอีก 5 แห่งเป็นร้านอาหารที่มีชื่อ จากภายนอกที่นักศึกษาต้องใช้เงินซื้อ
Juniper Poplar Hall 1 ในโรงอาหาร (Dining Halls) ทั้ง 8 แห่งของมหาวิทยาลัยที่เปิดตลอดทั้งวัน โดยนักศึกษาสามารถเข้าทาน กี่ครั้งก็ได้ แบบ Unlimited Access แค่โชว์ student card ก็สามารถเข้าไปเลือกรับประทานได้โดยไม่จำกัดจากทุกสเตย์ชั่น มีทั้ง อาหารคาว หวาน สลัด ผัก ผลไม้ และเครื่องดื่มทุกประเภท
เกมส์สนุกมาก สนามกีฬายิ่งใหญ่และทีมเชียร์ขันแข็ง นักศึกษาเข้าชมฟรีทุกประเภทกีฬา
ทุกรอบเพียงโชว์บัตร นักศึกษา แต่บุคคลภายนอกต้องเสียค่าเข้า ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับ การกีฬาอย่างมาก โดยเฉพาะในระดับมหาวิทยาลัย
และมีวัฒนธรรม การกีฬาที่แข็งแกร่ง มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ของนักศึกษา
ร่วมสถาบัน อย่างที่ไม่มีที่ใดในโลกเหมือน ทุกมหาวิทยาลัยมี Mascot ซึ่งเป็นสัญลักษณ์
ของตัวเอง และเป็นศูนย์กลาง ในการเชียร์ นักศึกษาไม่ว่า จะมาจากชาติไหน ผิวสีอะไร
ก็เป็น ทีมเดียวกัน นักศึกษาใส่เสื้อมหาวิทยาลัย เดินอย่างภาคภูมิ เป็นที่น่าประทับใจ จากผู้พบเห็น…
University of South Florida มี Mascot เป็นกระทิงชื่อ Rocky ท่านจะเห็น Rocky ทุกครั้งที่มีการแข่งกีฬามหาวิทยาลัยซึ่ง จะมีเป็นประจำ และสัญลักษณ์กระทิงจะมีอยู่ทั่วบริเวณแคมปัส ผู้เขียนคิดว่าประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่น่าเรียนที่สุด สำหรับคนรักกีฬา นักศึกษาที่เป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัยสามารถพลิกชีวิตตัวเองได้เพราะทีมกีฬาระดับชาติอย่าง NBA หรือ NFL จะมาคัดเลือกนักศึกษาเก่งๆ ไปเล่นระดับมืออาชีพตลอดเวลา ถือว่าเป็นประเทศที่เน้นการกีฬาในระดับมหาวิทยาลัยที่สุดในโลก
วันที่ 3 : ผู้เขียนได้เยื่ยมชมที่พักสำหรับนักศึกษาที่มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท
ประเภทที่ 1 : แบบอพาร์ตเม้นต์ห้องนอนส่วนตัว ใช้ห้องน้ำร่วมกับเพื่อน 1 คนเท่านั้น (พนักงานทำความสะอาด 2 ครั้งต่อ 1 เทอม)
ประเภทที่ 2 : แบบห้องนอนแชร์ 2 คน ใช้ห้องน้ำร่วมกับเพื่อน 4 คนเท่านั้น (พนักงานทำความสะอาด 1 ครั้งต่อ อาทิตย์) USF fam
ประเภทที่ 3 : แบบห้องนอนแชร์ 2 คน ใช้ห้องน้ำร่วมกับเพื่อน 8 คน โดยเป็นห้องน้ำ และห้องส้วมแยกจากกัน (พนักงานทำความสะอาดทุกวัน)
ประเภทที่ 1 ราคาสูงสุดโดยอยู่ที่ 7000 เหรียญ ต่อเทอม (รวมอาหารแบบกินไม่จำกัดตลอดเทอม) และไล่มาถูกตามลำดับ
ประเภทที่ 2 ราคา 6200 เหรียญ และประเภทที่ 3 ราคาที่พัก 5300 เหรียญต่อเทอม (ราคาเทอม Fall 2015) โดยประเภทที่ใช้ ห้องน้ำรวมจะมีพนักงานทำความสะอาดให้ทุกวัน
จากนั้น… ผู้เขียนยังได้มีโอกาสเดินชมห้องสมุดที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมงต่อวัน มีหนังสือมากมายให้เลือกสรร โดยสามารถยืม ออนไลน์ และยังมีร้านค้าไว้บริการในห้องสมุดอีกด้วย…
วันที่ 4 : ได้มีโอกาสได้เที่ยวดูสถานที่เที่ยวสำคัญของเมืองนี้ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายจุด